คนทั่วไปใครจะรู้บ้างว่าใบแจ้งรายการประเมินภาษีอากรเป็นคำสั่งทางปกครอง โดยปกติเมื่อได้รับใบแจ้งรายการประเมินภาษีอากรไม่ว่าจะเป็นภาษีตามประมวลรัษฎากร คือภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีเงินได้นิติบุคคล หรือภาษีโรงเรือและที่ดินตาม พ.ร.บ. ภาษีโรงเรือนและที่ดิน หรือภาษีตาม พ.ร.บ. ศุลกากร ทุกคนก็ต้องรีบไปเคลียร์กับเจ้าหน้าที่ประเมินละครับ ทั้งบนโต๊ะ ใต้โต๊ะ อะไรก็ว่ากันไป แต่หากไม่เคลียร์และไม่ต้องการเสียภาษีเพิ่มเนื่องจากเห็นว่า ภาษีที่ชำระไปเป็นจำนวนที่เหมาะสมและถูกต้อง ก็ต้องดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมายครับ
ถ้าเป็นภาษีตามประมวลรัษฎากรหรือภาษีโรงเรือนและที่ดิน ก็ต้องอุทธรณ์การประเมินก่อน หากไม่อุทธรณ์แต่กลับยื่นฟ้องต่อศาลเลย ศาลก็ต้องยกฟ้องเพราะเป็นการข้ามขั้นตอนครับ การฟ้องศาลเพื่อไม่ต้องชำระภาษีเพิ่มตามที่เจ้าพนักงานประเมินเรียกเก็บเพิ่ม อาจมีประเด็นข้อโต้แย้งหลากหลายขึ้นอยู่กับประเภทและจำนวนของภาษีที่ถูกประเมินเพิ่ม แต่ประเด็นหนึ่งที่อาจยกเป็นข้อโต้แย้งได้ก็คือ ใบแจ้งรายการประเมินภาษี ที่เจ้าหน้าที่ประเมินแจ้งให้เสียภาษีเพิ่ม เป็นใบแจ้งรายการเสียภาษีที่ออกโดยไม่ถูกต้องตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง กล่าวคือว่า ไม่มีข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญ ไม่มีข้อกฎหมายที่อ้างอิง ไม่มีข้อพิจารณาและข้อสนับสนุนในการใช้ดุลยพินิจเรียกเก็บภาษีเพิ่ม
หากข้อเท็จจริงปรากฏว่า ใบแจ้งประเมินรายการเสียภาษี ไม่ปรากฏรายละเอียดตามข้อโต้แย้ง ใบแจ้งประเมินดังกล่าวย่อมเป็นใบแจ้งประเมินที่ออกไม่ถูกต้องตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง เพราะใบแจ้งประเมินรายการเสียภาษีถือเป็นคำสั่งของเจ้าหน้าที่ประเมินที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมายซึ่งมีผลกระทบต่อสถานภาพของสิทธิหรืออหน้าที่ของบุคคลระหว่างผู้เสียภาษีกับหน่วยงานที่จัดเก็บภาษี ใบแจ้งประเมินรายการเสียภาษีจึงเป็นคำสั่งทางปกครอง เมื่อใบแจ้งประเมินรายการเสียภาษีเป็นคำสั่งทางปกครอง การออกคำสั่งทางปกครองจึงต้องปฏิบัติให้ถูกต้องตามพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองด้วย (ตามนัยคำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3542/2551)
Nitirathaphum Law Office