พระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. 2551 มีผลใช้บังคับแล้ว
พระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค มีผลใช้บังคับแล้ว โดยเริ่มมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 31 สิงหาคม 2551 เมื่อพระราชบัญญัติดังกล่าวมีผลใช้บังคับ การฟ้องคดีที่มีลักษณะเป็นคดีเกี่ยวกับผู้บริโภค ต้องปฏิบัติตามพระราชบัญญัติดังกล่าว ในเบื้องต้น จึงต้องรู้ก่อนว่า คดีผู้บริโภค คือคดีที่มีลักษณะอย่างไร
ตามพระราชบัญญัติวิธีพิจารณาคดีผู้บริโภค พ.ศ. 2551 กำหนดคำนิยามของคำว่า “คดีผู้บริโภค” หมายความว่า
(1) เป็นคดีแพ่งระหว่างผู้บริโภคหรือผู้มีอำนาจฟ้องคดีแทนผู้บริโภคตามมาตรา ๑๙ หรือตาม
กฎหมายอื่นกับผู้ประกอบธุรกิจซึ่งพิพาทกันเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ตามกฎหมายอันเนื่องมาจาก
การบริโภคสินค้าหรือบริการ
(2) เป็นคดีแพ่งตามกฎหมายเกี่ยวกับความรับผิดต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นจากสินค้าที่ไม่ปลอดภัย
(3) คดีแพ่งที่เกี่ยวพันกันกับคดีตาม (๑) หรือ (๒)
(4) คดีแพ่งที่มีกฎหมายบัญญัติให้ใช้วิธีพิจารณาตามพระราชบัญญัตินี้
ตามคำนิยามของคำว่าคดีผู้บริโภคดังกล่าว น่าจะสรุปได้ว่า เป็นคดีผู้บริโภค เป็นคดีที่ผู้บริโภคฟ้องผู้ประกอบการ หรือผู้ประกอบการฟ้องผู้บริโภค เกี่ยวกับการใช้สินค้าหรือบริการ ตัวอย่างที่ผู้บริโภคฟ้องผู้ประกอบการ เช่น ผู้ซื้อบ้านจัดสรรฟ้องบริษัทผู้จัดสรร ผู้ซื้อรถฟ้องบริษัทผู้ผลิตหรือผู้จำหน่ายรถ กรณีที่รถไม่ได้มาตรฐานหรือไม่มีคุณภาพ ผู้ใช้สินค้าฟ้องผู้ผลิตหรือผู้จำน่ายสินค้า หากสินค้าที่ซื้อมาใช้ไม่ได้คุณภาพ ก่อให้เกิดความเสียหาย ส่วนตัวอย่างที่ผู้ประกอบการฟ้องผู้บริโภค เช่น ธนาคารฟ้องลูกค้าผู้กู้ที่ไม่ชำระหนี้ ผู้ให้เช่าซื้อฟ้องลูกค้าผู้เช่าซื้อที่ไม่ชำระค่างวด
พระราชบัญญัติวิธีพิจารณา คดีผู้บริโภค บัญญัติขึ้นเพื่อคุ้มครองและเป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค เช่น
ผู้บริโภคฟ้องคดีได้โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่าย ซึ่งแตกต่างจากกฎหมายเดิม การดำเนินกระบวนพิจารณาเป็นไปโดยรวดเร็ว และมีการประนีประนอมก่อนพิจารณาคดี ผู้บริโภคไม่ต้องพิสูจน์ความเสียหาย หากแต่ผู้ประกอบการเป็นผู้ต้องพิสูจน์ว่าตนเองไม่ต้องรับผิดเพราะเหตุใด ให้ศาลมีอำนาจใช้ดุลยพินิจกำหนดค่าเสียหายโดยไม่ต้องคำนึงถึงคามเสียหายที่แท้จริง บทบัญญัติของกฎหมายที่คุ้มครองผู้บริโภคขนาดนี้ ผู้ประกอบการคงต้องคิดหนักละครับ
คราวหน้าจะมีสาระเรื่องคดีผู้บริโภคมาเล่าให้ฟังต่อครับ
วิระศักดิ์ พลศรี
2 ความคิดเห็น