ภาระภาษีกรณีเลิกกิจการของบริษัทจำกัดและบริษัทมหาชนจำกัด
การเลิกบริษัท (เอกชนหรือมหาชน) มีการแตกต่างจากการควบบริษัท แม้ว่าสถานะของบริษัทที่ถูกควบเข้านั้นจะเลิกไปแต่ผลของการควบกันนั้น ยังคงมีบริษัทอันเกิดจากการควบอยู่ และในเรื่องภาระภาษีก็ต่างกัน แต่การเลิกบริษัทนั้น สถานะของบริษัทเดิมไม่มีอีกต่อไป
เมื่อเลิกบริษัทแล้ว ความรับผิดทางภาษี ( tax liability ) มีดังต่อไปนี้คือ
ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 72 ได้วางหลักไว้ว่า ในกรณีที่บริษัทเลิกกัน ให้ผู้ชำระบัญชีและผู้จัดการมีหน้าที่ร่วมกันแจ้งให้เจ้าพนักงานประเมินทราบ การเลิกบริษัทภายใน 15 วัน นับแต่วันที่เจ้าพนักงานรับจดทะเบียนเลิก
ถ้าบุคคลดังกล่าวไม่ปฏิบัติตามเจ้าพนักงานประเมินอาจสั่งให้บริษัทนั้นเสีย ภาษีเพิ่มอีก 1 เท่า ของจำนวนภาษีที่ต้องเสีย เงินนี้ถือเป็นค่าภาษี
ในกรณีที่บริษัทเลิกกันดังกล่าวแล้ว เพื่อประโยชน์ในการคำนวณภาษี ให้ถือว่าวันที่เจ้าพนักงานรับจดทะเบียนเลิกเป็นวันสุดท้ายของรอบระยะเวลา บัญชี ให้ผู้ชำระบัญชีและผู้จัดการมีหน้าที่และความรับผิดร่วมกันในการยื่นรายการ และเสียภาษีตามแบบและภายในกำหนดเวลาที่กำหนดไว้ในมาตรา 68 และมาตรา 69 โดยอนุโลม ( การเลิกกิจการตามประมวลรัษฎากกรนั้น ถือเอาวันที่นายทะเบียนรับจดทะเบียนเลิกเป็นวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี ปีที่เลิก )
ถ้าผู้ชำระบัญชีและผู้จัดการไม่สามารถยื่นแบบแสดงรายการและเสียภาษีภายใน กำหนดเวลาดังกล่าวได้ ก็ให้ยื่นต่ออธิบดีกรมสรรพกรภายในกำหนด 30 วันนับแต่วันที่เจ้าพนักงานรับจดทะเบียนเลิก เมื่ออธิบดีเห็นสมควรจะสั่งให้ขยายระยะเวลาออกไปอีกก็ได้ เฉพาะกรณีที่มีการชำระบัญชี อธิบดีจะสั่งให้ขยายระยะเวลาออกไปอีกด้วยก็ได้
การคำนวณกำไรสุทธิหรือการขาดทุนสุทธิทางภาษี เมื่อบริษัทเลิกกันการคำนวณกำไรสุทธิหรือการขาดทุนสุทธิ ย่อมเป็นไปตามมาตรา 74 มีหลักว่า ในกรณีที่บริษัทเลิกกันการคำนวณกำไรสุทธิเป็นไปตามวิธีการในมาตรา 65 มาตรา 65 ทวิ และมาตรา 66 เว้นแต่
(1) การตีราคาทรัพย์สิน ให้ตีราคาตลาดในวันเลิก
กล่าวคือ การตีราคาทรัพย์สิน เป็นไปตามมาตรา 65 ทวิ (3) ประกอบมาตรา 65 ทวิ (17 ) มีความ
แตกต่างจาก การตีราคาสินค้าคงเหลือ ตามมาตรา 65 ทวิ (6)
(2) เงินสำรอง หรือเงินกำไร ยกมาจากรอบระยะบัญชีก่อน ๆ เฉพาะส่วนที่ยังไม่ได้เสียภาษเงินได้ ให้นำมารวมคำนวณเงินได้ในรอบระยะบัญชีสุดท้ายด้วย ( เงินสำรอง , เงินกำไรเฉพาะส่วนที่ยังไม่ได้เสียภาษีเท่านั้น ที่ต้องโอนกลับเป็นกำไรสุทธิเสียภาษีเงินได้ในปีที่เลิกกิจการ
ภาษีมูลค่าเพิ่ม เมื่อมีสินค้าคงเหลือและหรือทรัพย์สินที่ผู้ประกอบการมีไว้ในการประกอบ กิจการ ในวันที่เลิกบริษัท ถือว่าเป็นการขายตามมาตรา 77/1 (8) (ฉ) จะเห็นได้ว่า กฎหมายให้ถือว่า ขาย ซึ่งผู้ประกอบการต้องรับผิด นอกจากนี้ผู้ประกอบการจดทะเบียนต้องแจ้งการเลิกกิจการ ณ สถานที่ที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มภายใน15 วัน นับจากวันเลิกประกอบกิจการ ให้ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มไว้พร้อมกับการแจ้งเลิกประกอบ กิจการตามมาตรา 85/15
ภาษีธุรกิจเฉพาะในการเลิกกิจการมาตรา 91/21 ให้นำบทบัญญัติในหมวด 4 คือ ภาษีมูลค่าเพิ่มมาใช้บังคับโดยอนุโลม คือ การเลิกกิจการของธุรกิจที่ต้องเสียภาษีธุรกิจเฉพาะตามมาตรา 91/2(1)-(8)ให้เป็นไปตามมาตรา 85/15 ที่กล่าวมาข้างต้น
3 ความคิดเห็น