WANTED คม กระสุนแห่งกฎหมาย

            นายเวส นักฆ่านำปืนไรเฟิลขนาด .223 ไปดักซุ่มยิงนายครอส อยู่บนตึกสูงห่างจากของนายคลอสประมาณสามกิโลเมตร ในขณะที่นายเวสเผลอหลับไป นายครอสเดินออกมานั่งตากอากาศอยู่ที่หน้าบ้าน นางสาวฟ็อกซ์ ซึ่งแอบอยู่ใกล้ๆนานแล้วได้เดินเข้าไปด้านหลังนายคลอส ชักปืนพกสั้น สมิทแอนเวสสันขนาด .45 จ่อยิงไปที่ขมับซ้ายทะลุกกหูขวานายคลอส หลังจากนั้นอีกประมาณครึ่งชั่วโมง นายเวสตื่นขึ้นมาเห็นนายคลอสนั่งหันหลังอยู่ นายเวสจึงเล็งปืนไรเฟิลขนาด.223 ไปที่นายคลอสและเหนี่ยวไกลยิงกระสุนพุ่งโค้งผ่านตึกไปถูกกลางหน้าผากนายคลอ สอย่างแม่นยำ ภายหลังเกิดเหตุไม่นานตำรวจรวบตัวนายเวสและนางสาวฟ็อกซ์ได้   นายเวสและนางสาวฟ็อกซ์ให้การรับสารภาพว่านายสโลน ได้ว่าใช้ให้ไปฆ่านายคลอส ตามอุดมการของสมาคมฟราเทอร์นิตี้ โดยทั้งนายเวสและนางสาวฟ็อกซ์ รู้เพียงว่าเป็นหน้าที่ของตนแต่ผู้เดียวที่ต้องฆ่าโดยไม่ทราบว่ามีคนอื่นถูก ใช้ด้วย  ส่วนศพของนายคลอสแพทย์ได้ชันสูตรพลิกศพแล้ว มีความเห็นว่านายคลอส ถึงแก่ความตายทันทีด้วยกระสุนปืนขนาด .45 ทำลายก้านสมองจนเสียหาย ในส่วนของกระสุนปืนขนาด.223 นั้น ได้ยิงเข้ามาภายหลังจากกระสุนขนาด .45 ประมาณ 30 นาที เนื่องจากพบเลือดในร่างกายแข็งตัวแล้วการกระเด็นของเลือดตามพื้นของวิถี กระสุนนัดที่สองจึงไม่มี และข้อเท็จจริงยังปรากฏภายหลังอีกว่า นายคลอสเป็นบิดาที่แท้จริงของนายเวสอีกด้วย

            จากปัญหาที่ได้สมมุติขึ้นมานั้นทั้งนายเวส นางสาวฟ็อกซ์ และนายสโลน จะมีความผิด และต้องรับโทษอย่างไร ผมจะแยกเป็นรายคนเพื่อให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจ

            เรามาดูในส่วนของนางสาวฟ็อกซ์กันก่อนดี กว่า เมื่อนางสาวฟ็อกซ์ เป็นผู้ใช้ปืนขนาด .45 ซึ่งเป็นกระสุนนัดแรกที่ทำให้นายคลอสตายในทันที จึงเป็นที่แน่นอนอยู่แล้วว่านางสาวฟ็อกซ์ ต้องมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 ซึ่งมีอัตราโทษ จำคุกตลอดชีวิตหรือประหารชีวิต แต่เนื่องจากการฆ่าของนางสาวฟ็อกซ์ มีการวางแผนมาเป็นอย่างดีนางสาวฟ็อกซ์ จึงต้องรับโทษหนักขึ้นตามประมวลกฎหมายมาตรา 289 (4) ฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ซึ่งมีอัตราโทษประหารชีวิตสถานเดียว แต่เนื่องจากนางสาวฟ็อกซ์ ให้การรับสารภาพจึงเป็นดุลพินิจศาลที่จะลดโทษให้นางสาวฟ็อกซ์

             ในส่วนของนายเวส แม้นายเวสจะยิงนายคลอสเช่นกัน แต่เนื่องจากนายเวส ใช้กระสุน ขนาด .223 ซึ่งเป็นกระสุนนัดที่สอง ซึ่งเป็นการยิงภายหลังจากที่นายคลอสตายไปแล้ว ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 81 บัญญัติว่า “ผู้ใดกระทำการโดยมุ่งต่อผลที่กฎหมายบัญญัติเป็น ความผิดแต่การกระทำนั้นไม่สามารถบรรลุผลได้อย่างแน่แท้ เพราะเหตุที่วัตถุที่มุ่งหมายกระทำต่อ ให้ถือว่าผู้นั้นพยายามกระทำความผิด” แม้ว่านายเวสจะมีเจตนาฆ่านายคลอสซึ่งครบองค์ประกอบภายในก็ ตาม แต่การกระทำของนายเวส ขาดองค์ประกอบความผิดภายนอก กล่าวคือ “ผู้อื่น” เนื่องจากนายคลอสไม่มีสภาพเป็นบุคคลแล้ว จึงไม่มีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่น  (ตามความเห็นของศาสตราจารย์จิตติ ติงศภัทิย์ ที่มีความเห็นเช่นเดียวกับ Frank และ Dohna ผู้สอนทฤฎีอัตวิสัย ที่ถือว่าเจตนาที่แสดงออกภายนอกจะ เป็นอันตรายต่อความสงบเรียบร้อยและระเบียบของบ้านเมืองหรือไม่ ไม่ใช่สาระสำคัญ อันตรายดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่ผู้กระทำมีเจตนากระทำผิดอาญาและได้มีการ เริ่มกระทำการแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นที่จะแบ่งแยกว่าการพยายามกระทำความผิดนี้ในทาง ภาวะวิสัยจะเป็นอันตรายหรือไม่ ด้วยเหตุวัตถุที่กระทำต่อหรือปัจจัยที่ใช้ในการกระทำความผิดนั้น ไม่อาจทำให้ความผิดสำเร็จได้) จึงไม่ต้องวินิจฉัยว่านายเวสมีความผิดฐาน พยามฆ่าบุพการี ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289 (1) หรือไม่

              ทีนี้เรามาดูในส่วนของนายสโลนกันบ้าง ซึ่งเป็นผู้ก่อให้ผู้อื่นกระทำความด้วยการใช้ให้กระทำความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 84  เนื่องจากนายสโลน เป็นผู้ว่าจ้างทั้งนายเวสและนางสาวฟ็อกซ์ แต่การจ้างนั้นมิใช่การจ้างในคราวเดียวกันเป็นการกระทำอันเป็นเป็นความผิด ต่างกรรมต่างวาระกัน ต้องพิจารณาโทษในส่วนที่จ้างนายเวส และในส่วนที่จ้าง นางสาวฟ็อกซ์แยกกรรมกัน

              ส่วนของการใช้นางสาวฟ็อกซ์ฆ่ากันก่อน ซึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 94 วรรคสอง บัญญัติว่า “ถ้าผู้ถูกใช้ได้ กระทำความผิดนั้น ผู้ใช้ต้องรับโทษเสมือนตัวการ...” เมื่อ นางสาวฟ็อกซ์ ได้ลงมือยิงนายคลอสตายตามเจตนาแล้ว นายสโลนจึงต้องรับโทษเช่นเดียวกับนางสาวฟ็อกซ์

             ในส่วนของนายเวส แม้ว่าการกระทำของนายเวสจะไม่มีความผิดเนื่องจากกระทำความผิดขาดองค์ประกอบ ความผิด แต่ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 84 วรรคสองตอนท้าย บัญญัติว่า “..ถ้าความ ผิดมิได้กระทำลง ไม่ว่าจะเป็นเพราะผู้ถูกใช้ไม่ยอมกระทำ ยังไม่กระทำหรือเหตุอื่นใด ผู้ใช้ต้องระวางโทษเพียงหนึ่งในสามของโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น” เนื่องจากนายสโลนได้ใช้นายเวสก่อนนายคลอสจะถึงแก่ความตาย ดังนั้นการกระทำของนายสโลนจึงครบองค์ประกอบของคามผิดฐานใช้ให้ผู้อื่นกระทำ ความความผิด นายสโลนต้องระวางโทษหนึ่งในสามในความผิดฐานฆ่าผู้อื่น  ในส่วนของการลงโทษ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรามาตรา 91บัญญัติว่า “เมื่อปรากฏว่าผู้ใดได้กระทำ การอันเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ศาลลงใทษผู้นั้นทุกกรรมเป็นกระทงความ ผิดไป...” คือศาลจะต้องลงโทษในส่วนที่ใช้นางสาว ฟ็อกซ์ฆ่านายคลอสหนึ่งกรรม และส่วนที่ใช้นายเวสฆ่าอีกหนึ่งกรรม แต่การกำหนดโทษเป็นดุลพินิจของศาลจะลงโทษ กระผมจึงไม่ขอกล่าวในส่วนข้อจำกัดการลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 (1) (2) และ (3)

            แต่ถ้าหากเปลี่ยนข้อเท็จจริงว่านายเวสและนางสาวฟ็อกซ์ ยิงนายคลอสพร้อมกัน โดยแพทย์วินิจฉัยว่าลำพังเพียงกระสุน.45 หรือกระสุน.223 นัดเดียวไม่อาจอาจความตายได้ แต่ความตายเกิดขึ้นจากกระสุนสองนัดเข้าไปในบาดแผลแห่งเดียวกันจนกระโหล กศีรษะแตกทำให้เลือดออกจนถึงแก่ความตาย

หากท่านผู้ อ่านสนใจอยากทราบเรื่องต่อไปกระผมอาจจะเขียนต่อ  ภาค 2  WANTED ตอนกระสุนคู่พิฆาต

สิรวิญช์ แสนเกตุ
ผู้เรียบเรียง
ครั้ง ที่ 4
24/04/2552
ภาพจาก www.media.photobucket.com